ขอพร 9 ศาลเจ้าดังภูเก็ตให้ปังปุริเย่
1. ศาลเจ้ากะทู้
ศาลเจ้าไล่ทู้เต้าโบ้เก้ง หรือ ศาลเจ้ากะทู้ นับว่าเป็นศาลเจ้าจีนแห่งแรกของจังหวัดภูเก็ตที่มีความเก่าแก่และสำคัญมาก อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดของประเพณีถือศีลกินผักของภูเก็ต ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกอีกด้วยโดยเล่ากันว่า ในสมัยก่อนมีชาวจีนอพยพมาทำงานเหมืองแร่ที่ภูเก็ตกันมากมาย รวมทั้งมีคณะงิ้วมาทำการแสดงด้วย ต่อมาได้เกิดโรคระบาดขึ้นทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ชาวจีนที่อพยพมายังภูเก็ตจึงนึกขึ้นได้ว่าพวกเขาได้ละเลยประเพณีการถือศีลกินผักที่สืบสานกันมาเป็นทุกปี ดังนั้นจึงได้จัดพิธีถือศีลกินผัก 9 วัน 9 คืน ขึ้นที่อำเภอกะทู้ หลังจากนั้นไม่นานโรคระบาดก็ได้หายไปจนหมด จากนั้นสืบมาจึงได้จัดพิธีถือศีลกินผักขึ้นในทุกๆปี สืบต่อมาถึงปัจจุบัน ถือว่าเป็นศาลเจ้าที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก ที่ไม่ควรพลาดมาขอพรกันนะ
พิกัด : https://goo.gl/maps/BmmmFyP4p55PD1YZ8
2. ศาลเจ้าท่าเรือ
ศาลเจ้าท่าเรือ หรือ ศาลเจ้าหงอจินยินฮกเล้งเก้ง อยู่ไม่ไกลจากอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร เป็นศาลเจ้าที่นักท่องเที่ยวนิยมมากรอบไหว้ขอพร เพราะด้วยทำเลที่ตั้งที่มีความโดดเด่น รวมถึงตัวศาลเจ้าที่มีสีสันสดใสสวยงาม จึงทำให้เป็นที่สังเกตเห็นได้ง่ายของนักท่องเที่ยวที่ขับรถเข้าหรือออกเมืองภูเก็ต แต่เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่สะดุดตาก็คงหนีไม่พ้น องค์เต้กุน หรือ องค์เทพเจ้ากวนอูที่ถือง่าวขนาดใหญ่ ที่ถูกนำมาประดิษฐานไว้ข้างกับศาลเจ้า จนทำให้ผู้พบเห็นต่างอดไม่ได้ที่จะชื่นชมในความสวยงาม นอกจากนั้นสำหรับศาลเจ้าท่าเรือแห่งนี้ยังมีสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้ผู้คนมักนิยมมากราบไหว้ นั้นก็คือ เป็นที่ประดิษฐานขององค์พระโป้เส้งไต่เต่ (หงอ จิ้นหยิน) ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่อง มีความเฉลียวฉลาด และมีความสามารถในการรักษาโรค จนได้รับการยอมรับว่าเป็น ‘หมอเทวดา’ ทำให้ผู้คนที่เจ็บไข้ได้ป่วยมักจะมาขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้ เพื่อให้อาการเจ็บป่วยของตนดีขึ้นเสมอๆ
พิกัด : https://goo.gl/maps/3CQdrYAijoQVRS8T9
3. ศาลเจ้าสามกอง
ศาลเจ้าหลิมฮู้ไท้ซู่ หรือ ศาลเจ้าสามกอง ตั้งอยู่เยื้องๆกับโรงเทศบาลบ้านสามกอง เป็นศาลเจ้าขนาดกลางที่เป็นที่นับถือของชาวพื้นที่ระแวกสามกอง โดยศาลเจ้าแห่งนี้เดิมเป็นที่ดินของ หลวงสุนทรจีนประชา ต่อมาท่านได้มอบให้ศาลเจ้าหลิมฮู้ไท่ซู ประมาณ พ.ศ. 2462 โดยออกโฉนดที่ดินในนามของ หมื่นสามกอง (ตันบุ่นเส็ง) ร่วมกับศาลเจ้าหลิมฮู้ไท้ซู้ และทางการได้แต่งตั้งท่านเป็นผู้จัดการดูแลศาลเจ้าด้วย เดิมประเพณีถือศีลกินผักของศาลเจ้าสามกอง ต้องไปร่วมพิธีกับศาลเจ้าบางเหนียว แต่ในปี พ.ศ.2538 หลังจากศาลเจ้าหลังใหม่สร้างเสร็จ ทางศาลเจ้าสามกองก็ได้จัดประเพณีถือศีลกินผักเอง และได้อัญเชิญ “เหี่ยวโห้ย” (ไฟศักดิ์สิทธิ์) มาจากมณฑลกังไซ้ ประเทศจีน ทำให้มีผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมพิธีกรรมถือศีลกินผักเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาศาลเจ้าสามกองจึงถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าที่ผู้คนให้ความเคารพและนับถือเป็นอย่างมาก ยิ่งตอนเทศกาลบริเวณศาลเจ้าจะคึกคักสุดๆ เพราะบริเวณด้านหน้าศาลเจ้าจะมีร้านค้าร้านอาหารเจ มาเปิดขายกันอย่างคึกครืน
พิกัด : https://goo.gl/maps/ku3cMpH34vdZ9bPo8
4. ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย
จุ้ยตุ่ยเต้าโบ้เก้ง หรือ ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย เป็นศาลเจ้าใหญ่ที่อยู่ใจกลางเมืองภูเก็ต และด้วยทำเลที่ตั้งที่เดินทางไปได้ง่าย ทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้จึงเป็นที่นิยมสักการะบูชาของชาวพื้นที่จำนวนมาก ซึ่งในสมัยอดีตบริเวณหน้าศาลเจ้ามีลำคลองขนาดใหญ่ และชาวบ้านก็ได้สร้างกังหันขึ้น เพื่อใช้กำลังจากน้ำมาช่วยทุ่นแรงในการตำข้าวหลังจากการเก็บเกี่ยว จึงเป็นที่มาของชื่อศาลเจ้าที่แปลความหมายตรงตัวตามภาษาจีนได้ดังนี้ คำว่า “จุ้ย” มีความหมายว่า “น้ำ” และคำว่า “ตุ้ย” มีความหมายว่า “ครกตำข้าว” นั้นเอง ซึ่งภายในศาลเจ้าจุ้ยตุ่ยแห่งนี้มีการตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมรูปปั้นแกะสลักจากหินอ่อนซึ่งมีความอ่อนช้อยโดดเด่นสวยงาม และเน้นการตกแต่งด้วยโทนสีแดงแซมกับสีทองซึ่งเป็นสีนำโชคตามความเชื่อโบราณของคนจีน นอกจากนั้นในทุกๆปีศาลเจ้าจุ้ยตุ่ยแห่งนี้เป็นเพียงศาลเจ้าเดียวในจังหวัดภูเก็ตที่ผู้คนเข้าร่วมการทำพิธีเริ่มประเพณีถือศีลกินผักเยอะที่สุดอีกด้วย
พิกัด : https://goo.gl/maps/MZZCrmQkw9adhvoy5
5. ศาลเจ้าปุดจ้อ
ศาลเจ้าปุดจ้อ หรือ จุ้ยตุ่ยเป๋งเอ๊กซานกวนอิมเบี้ยว อีกหนึ่งศาลเจ้าที่มีความเก่าแก่เป็นอย่างมากของจังหวัดภูเก็ต ตั้งอยู่ใจกลางเมืองติดกับอ๊ามจุ้ยตุ่ยเต้าโบ้เก้ง เป็นศาลเจ้าที่มีอายุนับ100ปี ในสมัยอดีตนั้นที่ตั้งอ๊ามปุดจ้อเป็นศาลเจ้าเต้กุน หรือ ศาลเจ้ากวนอู ซึ่งสร้างเป็นอาคารไม้หลังคามุงจาก แต่ในภายหลังได้รับการบูรณะให้เป็นศาลเจ้าที่ประดิษฐานขององค์พระโพธิสัตว์กวนอิม หรือ องค์กวนอิมปุดจ้อ ( ปุดจ้อ ในภาษาจีนฮกเกี้ยน หมายถึง พระโพธิสัตว์ ) เป็นศาลเจ้าที่มีคนภูเก็ตให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมากมีความผูกพันกับวิถีชีวิต ประเพณีของคนภูเก็ตเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นการขอพรเพื่อมีลูก สำหรับคนที่มีบุตรยาก หรือ ประเพณีแต่งงานสำหรับคนภูเก็ต ซึ่งในวันประกอบพิธีแต่งงานคู่บ่าวสาวจะต้องมาไหว้ขอพรเกือบทุกคู่ และอีกหนึ่งเรื่องเล่าที่โด่งดังสำหรับศาลเจ้าปุดจ้อ ก็คือ การเซียมซีในเรื่องการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ โดยเมื่อเซียมซีได้แล้วก็นำใบเซียมซีไปยังร้านขายยาจีนเพื่อให้ร้านจัดตัวยาจีนให้ แล้วหลังจากนั้นนำมารับประทานจนทำให้หลายต่อหลายท่านหายจากโรคมาแล้ว นับได้ว่าเป็นศาลเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก
พิกัด : https://goo.gl/maps/ex29RfcjTYqG4upW6
6. ศาลเจ้าแสงธรรม
ศาลเจ้าแสงธรรม หรือในภาษาจีนฮกเกี้ยนเรียกว่า ศาลเจ้าเต่งก้องต๋อง มีอายุเก่าแก่นับร้อยปี ตั้งอยู่ในซอยเล็กๆ บนถนนพังงา ที่รายล้อมไปด้วยตึกรามบ้านช่องที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวภูเก็ต นั้นก็คือ ย่านเมืองเก่านั้นเอง โดยประวัติความเป็นมาของศาลเจ้าแห่งนี้ แต่เดิมนั้น ตั้งอยู่ในซอยเล็กๆ บนถนนพังงา ตามประวัตินั้น ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2434 โดย หลวงอำนาจนรารักษ์ (ตันค้วด) เพื่อเป็นที่ประดิษฐานเทพเจ้าจีนที่สายตระกูลนับถือมาแต่เดิม โดยใช้เป็นสถานที่เคารพสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งเพื่อใช้เป็นศูนย์รวมพบปะระหว่างญาติมิตร ศาลเจ้าแสงธรรมเป็นศาลเจ้าเล็กๆที่เต็มไปด้วยความศรัทธา และเพิ่งได้รับการบูรณะใหม่เหมือนไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป็นศาลเจ้าที่ตกแต่งสวยงามเป็นอย่างมากตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้าศาลเจ้าที่มีความโดดเด่นของรูปแกะสลักมังกรบนหลังคา และเสาค้ำ ระหว่างทางเดินเข้าไปก็มีภาพฝาหนังที่สื่อถึงประเพณีถือศีลกินผัก ส่วนภายในตัวศาลเจ้ามีจิตกรรมฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราวของ องค์เทพ อ๋องสุ้นต่ายไส่ องค์เทพที่มีชื่อเสียงเรื่องผู้มีปัญญา เฉลียวฉลาด รู้ทันคน จึงทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้มักจะมีผู้คนมากราบไหว้ขอพรเพื่อให้ตนเองนั้นเป็นผู้มีซึ่งปัญญานั้นเอง
พิกัด : https://goo.gl/maps/AZ4z8WSmRyETHSVU7
7. ศาลเจ้าบางเหนียว
ศาลเจ้าบ่างเหลียงเต้าบู๊เก้ง หรือ มูลนิธิเทพราศี หรือ ศาลเจ้าบางเหนียว เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยปี พ.ศ. 2447 และมีชื่อเรียกหลายชื่อด้วยกัน เช่น ศาลเจ้าต่าวบู้เก๊ง หรืออ๊ามบู๊ตึ๊ง (คำว่า “อ๊าม” เป็นคำที่ชาวภูเก็ตใช้เรียกแทนคำว่าศาลเจ้า) หรืออาจรู้จักกันในฐานะมูลนิธิเทพราศี หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าศาลเจ้าต่าวโบ้เก๊ง อย่างไรก็ตาม ความเป็นมาของศาลเจ้าบางเหนียวนั้นก็ยังคงน่าสนใจ และเป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่ชาวภูเก็ตให้ความสำคัญอยู่เสมอ ศาลเจ้าบางเหนียวนับเป็นศาลเจ้าที่มีความสวยงามแห่งหนึ่ง โดยเริ่มตั้งแต่ประตูทางเข้าศาลเจ้าจะเป็นซุ้มประตูรูปมังกรในศิลปะแนวจีน เมื่อมาถึงทางเข้าด้านหน้าจะพบรูปปั้นสิงโตสองตัวประทับอยู่ และภายในศาลเจ้านั้นสวยงามด้วยรูปวาดด้วยสีน้ำรูปสัตว์นำโชคของจีน และเรื่องราววรรณกรรมของจีนที่ปรากฏอยู่บนผนังรอบ ๆ เมื่อผนวกกับเสาทุกต้นอันเป็นประติมากรรม ผสมผสานกับรูปปั้นมังกรพันรอบเสาแล้ว ยิ่งทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้แลดูวิจิตรพิสดารมากขึ้น โดยศาลเจ้าแห่งนี้มีเทพ “สามต่องอ๋อง” เป็นประธานศาลเจ้า จึงทำให้ผู้คนนิยมมากราบไว้เพื่อขอพรในด้าน เพื่อให้เจริญ “ก้าวหน้าทางอาชีพและการงาน” และในแต่ละปี ในช่วงเวลาของประเพณีถือศีลกินผัก ทางศาลเจ้าจะมีการจัดงานเทศกาลอย่างยิ่งใหญ่ มีชาวไทยเชื้อสายจีนในประเทศ และนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศให้ความนิยมเข้ามาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
พิกัด : https://goo.gl/maps/Hftt6iXpKAV71SGaA
8. ศาลเจ้าพ้อต่อก้ง
ศาลเจ้าพ้อต่อก้ง หรือ ศาลเจ้าเซ่งเต็กเบ๋ว ศาลเจ้าเล็กๆที่อยู่ติดกับโรงเรียนเทศบาลบ้านบางเหนียว ศาลเจ้าแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าเก่าแก่ที่อยู่คู่กับชาวชุมชนบางเหนียวและเป็นที่ประทับของ “องค์พ้อต่อก้ง” เทพเจ้าแห่งโลกวิญญาณเพียงหนึ่งเดียวในภูเก็ต ประวัติความเป็นมาของศาลเจ้าแห่งนี้ไม่ปรากฏที่มาที่ไปที่แน่ชัด แต่ตามหลักฐานจากกระถางธูปที่จารึกข้อความว่า “ศาลเจ้านี้สร้างขึ้นวันดี เดือนหก สมัยรัชกาลพระจักรพรรดิกวนสีแห่งราชวงศ์ชิง ขึ้นครองราชย์เป็น ปี่ที่ 6” ตรงกับปี ค.ศ.1880 หรือ พ.ศ.2423 จึงคาดคะเนได้ว่าศาลเจ้าแห่งนี้อยู่มาเป็นร้อยปีแล้วนั้นเอง ซึ่งเดิมศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลปุ่นเถ่าก๊งและพระโพธิสัตว์กวนอิม ต่อมามีการจัดพิธีพ้อต่อจึงได้มีการเขียนภาพลายเส้นองค์พ้อต่อก้งขึ้นเป็นประธานของศาลเจ้าและบูรณะเป็นภาพปั้นนูนต่ำในเวลาต่อมา ถือได้ว่ามีเพียงแห่งเดียวในภูเก็ตและเป็นสถานที่เก่าแก่ที่จัด งานพ้อต่อมาอย่างยาวนาน ภายในศาลเจ้ายังเต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมจีนเล่าเรื่องอ๋องสุ้นไต่ส่ายและเรื่องการลงทันฑ์ในนรกภูมิที่เขียนขึ้นแทนของเดิมในคราวบูรณะเมื่อปี พ.ศ.2550 และที่ศาลเจ้าแห่งนี้ยังเป็นสถานที่สำคัญในการจัดประเพณีพ้อต่อประเพณีแห่งความกตัญญูของชาวภูเก็ตที่จะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายนของทุกปี โดยชาวพื้นที่มักนิยมนำขนมรูปเต่ามาไหว้บูชา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการขอพรให้ตนเองมีอายุยืนยาว
พิกัด : https://goo.gl/maps/Seg3u2Kc9d9H8EZc7
9. ศาลเจ้าปลายแหลมสะพานหิน
ศาลเจ้าปลายแหลมสะพานหิน หรือ ศาลเจ้ากิ้วเที้ยนเก้ง ตั้งอยู่ที่ปลายแหลมสะพานหินเป็นที่ประดิษฐานขององค์เทพ “กิ้วเที้ยนเลี่ยนลื้อ” เป็นศาลเจ้าที่ก่อตั้งเมื่อ วันที่ 16 เมษายน 2538 โดยได้รับการอนุญาตการก่อสร้างจากผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในสมัยท่านเฉลิม พรหมเลิศ และ คุณสมบูรณ์ คู่พงศกร เป็นประธานศาลเจ้า ดำเนินการให้มีการก่อสร้างศาลเจ้าแห่งนี้จนสำเร็จ และได้มีเรื่องเล่าที่ทำให้เกิดความศรัทธาขึ้นคือ เมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์สึนามิเมื่อตอนปี 2547 บริเวณปลายแหลมสะพานหินก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นสึนามิเช่นกัน แต่ได้เกิดปาฏิหาริย์กับศาลเจ้าแห่งนี้ นั้นก็คือ ปรากฏว่าศาลเจ้าแห่งนี้ไม่โดนคลื่นสึนามิเลยทั้งๆที่ศาลเจ้าแห่งนี้อยู่ติดชายหาดเพียงไม่กี่เมตรเอง โดยสภาพศาลเจ้ายังคงอยู่เหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย จึงทำให้ชาวบ้านยิ่งเกิดความศรัทธาและต่างพูดกันว่าเป็นเพราะ อิทธิฤิทธิ์ขององค์เทพกิ้วเที้ยนลื้อ ที่ช่วยปกปักรักษาศาลเจ้าแห่งนี้ไว้ นอกจากนั้นศาลเจ้าแห่งนี้ยังเป็นที่ที่ประดิษฐานองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม หรือ องค์กวนอิมปุดจ้อ หยกขาวขนาดใหญ่ ซึ่งทั้งองค์มีความสูงถึง 5.2 เมตร และน้ำหนักมากถึง 17,000 กิโลกรัมเลยทีเดียว โดยองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมมีความพิเศษยิ่ง คือ มีทั้งหมด 3 ปาง ในองค์เดียวดังนั้นผู้คนที่ศาลเจ้าแห่งนี้ก็มักจะขอพรให้ตนเองและครอบครับแคล้วคลาด ปลอดภัยจากพยัญอันตรายทั้งปวงนั้นเอง
พิกัด : https://goo.gl/maps/ZPeN7qSJKc6cmGQWA